เลี้ยงลูกแบบ “จริยาวดี สุวรรณดิษฐกุล” ประธานกรรมการ บริษัท ดีวาน่า โฮเทลแอนด์รีสอร์ท จำกัด
สิ่งเดียวที่อยากให้เกิดขึ้นกับลูกเราในอนาคต ก็คือ อยากให้ลูกเติบโตไปพร้อมกับความรู้จัก ผิด ชอบ ชั่ว ดี มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าหากลูกเราไม่มีศีลธรรมและคุณธรรมในจิตใจ มันจะส่งผลให้เค้าอยู่ในสังคมยากขึ้นแน่นอน
“แม่” คืออีกหนึ่งบทบาทที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตลูกผู้หญิง จากการมีชีวิตอยู่เพื่องาน เพื่ออนาคตที่วางไว้ เมื่อในวันหนึ่งกลายเป็น “คุณแม่” แน่นอนว่าความรู้สึกและการดำเนินชีวิตจะต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับ “คุณหนึ่ง” จริยาวดี สุวรรณดิษฐกุล ประธานกรรมการ บริษัท ดีวาน่า โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด จากชีวิต “ผู้หญิงทำงาน” ก้าวสู่ความเป็น “คุณแม่” มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง OPM.ฉบับเดือนสิงหาคม 2562 เดือนของแม่ มีเรื่องราวของผู้หญิงเก่งคนนี้มาอัพเดทให้อ่านกัน
“ในนาทีที่ได้รู้ว่าจะเป็นแม่นั้น รู้สึกดีใจมากๆ เหมือนเรามีอีก 1 ชีวิต เข้ามาเติมเต็มคำว่า “ครอบครัว” หลังจากที่มีคนแรก “น้องเพียว” (เด็กชายสิริ สุวรรณดิษฐกุล) เมื่อ 7 ปีก่อน และตามมาด้วย “น้องพีค” (เด็กชายสิระ สุวรรณดิษฐกุล) เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา มีความรู้สึกว่า คำว่า “ครอบครัว” มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น เติมเต็มชีวิตได้มากขึ้น มันจะประมาณว่า เราจะอยู่เพื่อใคร เราทำทุกวันนี้เพื่อใคร จากเมื่อก่อน เราทำงานก็จะทำงานเพื่อตัวเราเอง รวมไปถึงเพื่อคุณพ่อ-คุณแม่ของเรา ครอบครัวของเรา แต่พอหลังจากที่เรามีลูก เราก็เริ่มที่จะต้องหันมาใส่ใจและดูแลตัวของเราเองให้ดีมากขึ้น รักษาชีวิตเราให้ดี ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมากขึ้น สร้างความมั่นคงของธุรกิจให้แน่นหนาขึ้น เพื่อที่ว่าเราจะต้องส่งต่อทุกๆอย่างให้กับลูกๆของเราในอนาคต”
คุณหนึ่งเล่าแบบยิ้มๆต่อไปอีกว่า จากที่เคยเป็นลูก ก้าวสู่ “ความเป็นแม่” นั้น ทำให้รู้สึกคิดถึงคุณแม่ของตัวเอง(คุณสุรัตนา สุวรรณดิษฐกุล) ทุกวันเลย ในแง่ของ “ความอดทน” ของผู้หญิงที่ถูกเรียนว่าแม่นั้นจะต้องหลอมรวมความอดทนในทุกมิติ เพื่อเลี้ยงดูลูก 1 คนจนเติบใหญ่ไปได้อย่างตลอดรอดฝั่ง โดยเฉพาะในสมัยก่อน คุณแม่จะทำงานหนักมากๆ แต่ก็ยังแบ่งเวลามาดูแลพวกเรา เลี้ยงพวกเรามาจนถึงทุกวันนี้แบบไม่มีขาดตกบกพร่องเลย ซึ่งคุณแม่เองก็เป็นผู้หญิงทำงาน เป็นนักธุรกิจ แต่ก็ยังเอาใจใส่พวกเราอย่างใกล้ชิด ทั้งสนับสนุนเรื่องการศึกษา ทั้งขัดเกลาเราในเรื่องของวินัย ความมีระเบียบ และการใช้ชีวิตที่อยู่ในกรอบที่ควรจะเป็น รวมถึงจนถึงทุกวันนี้ก็ยังเป็น “ที่ปรึกษา” ให้กับเราในทุกเรื่อง ยังแอบคิดอยู่บ่อยๆว่า เราจะสามารถเป็น “คุณแม่ที่ดี” เหมือนคุณแม่ของเราหรือเปล่า
พอมาถึงคราวที่จะต้องถูกเรียกว่า “คุณแม่” บ้างนั้น ก็ยังแอบคิดว่า จะทำได้ดีเท่ากับคุณแม่ของตัวเองหรือไม่ ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ได้วางกฎ ระเบียบ หรือแบบแผนในการดูแลลูกๆทั้ง 2 คน ไว้ซับซ้อนมากนัก พยายามเลือกโฟกัสที่ความสุขในการดำเนินชีวิตแต่ละวัน และได้มีโอกาสได้ทำในสิ่งที่ลูกๆรักที่จะทำ แต่อย่างก็ตามในการมีความสุขของลูกๆก็จะต้องมีความสุขโดยที่ไม่เบียดเบียนใคร รวมทั้งไม่เบียดเบียนตัวเอง ซึ่งถ้าเค้ามีความสุขโดยที่ไม่คำนึงถึงอะไรบนโลกนี้เลยอนาคตอาจจะทุกข์ก็ได้
ซึ่งพ่อแม่ทุกคนก็คงมีความคาดหวังกับลูกๆของตัวเอง ในส่วนตัวก็ไม่ได้คาดหวังอะไร จนกลายเป็นความกดดันต่อการใช้ชีวิตของลูกๆ สิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นกับลูกๆในอนาคต ก็คือ อยากให้ลูกเติบโตไปพร้อมกับความรู้จัก ผิด ชอบ ชั่ว ดี มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าหากลูกเราไม่มีศีลธรรมและคุณธรรมในจิตใจ จะส่งผลให้เค้าอยู่ในสังคมยากขึ้น รวมไปถึงการสร้างความเข้มแข็งทางด้านจิตใจให้ลูกมากขึ้น ซึ่งความเข้มแข็งในจิตใจ ส่วนหนึ่งจะต้องเริ่มจากครอบครัวเป็นอันดับแรก”
สำหรับการบริหารธุรกิจ ควบคู่กับการบริหารเวลาสำหรับลูกนั้นๆ คุณหนึ่งกล่าวว่า จะพยายามแบ่งเวลาในการดูแลลูกด้วยตัวของเราเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไปส่ง-ไปรับลูกที่โรงเรียนด้วยตัวเอง หยุดการทำงานทุกๆอย่างในเวลาที่ลูกเลิกเรียน แล้วกลับมานั่งสอนการบ้าน และสอนในสิ่งที่ลูกควรจะต้องรู้ในการใช้ชีวิตประจำวัน ให้มีความรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองจะต้องทำ รับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง รับผิดชอบต่อผู้อื่นและกับสังคม ซึ่งการพร่ำสอนในแบบนี้เชื่อว่าลูกจะสั่งสมคำสอนเหล่านี้เพื่อนำไปใช้ในอนาคตเมื่อเติบโตขึ้นไปได้ บางครั้ง..การทำงานมาเหนื่อยๆ อาจจะมีหงุดหงิดบ้าง เหนื่อยบ้าง แต่ทุกครั้งก็จะนึกถึงคุณแม่ของตัวเองตลอด คุณแม่ไม่เคยหงุดหงิดกับลูกๆเลยแม้แต่ครั้งเดียว ต้องแยกแยะให้ได้ว่าโหมดที่อยู่กับลูกก็ต้องปิดสวิทช์เรื่องงาน อาจจะมีบ้างที่หลุดฉุนเฉียวใส่ลูกไปบ้าง ก็ต้องรู้จักที่จะขอโทษลูก พยายามที่จะสื่อสารกับลูกให้มากๆ คุยกันให้มากๆ
เพราะคิดอยู่เสมอว่า ลูกอาจจะใช้ชีวิตอยู่กับพวกเราได้เพียงแค่สั้นๆ เพราะว่าพอเค้าเข้าสู่ช่วงชีวิตวัยรุ่น เค้าก็จะต้องมีชีวิตของเค้าเอง เราก็จะต้องตักตวงเวลาตอนที่เค้ายังเด็กๆกับเค้าให้เต็มที่เพื่อที่ว่าจิตใจเค้าจะได้เข้มแข็ง สร้างความรักจากครอบครัวเป็นเกราะป้องกันตัวเค้าเองจากสังคมที่เค้าอยู่ พยายามใช้เวลาที่มีในตอนนี้เพื่อสร้างความเข็มแข็งทางด้านจิตใจให้กับลุกๆให้ได้มากที่สุด”
ฝากถึงลูกๆทุกคนว่า ตอนนี้ยังมีเวลา และก็ยังมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ก็อยากให้กลับไปดูแลคุณแม่ โทรหากัน หรือไลน์คุยกัน ส่งสติ๊กเกอร์ทักทายกัน เพื่อที่ว่าให้คุณแม่ได้รู้ว่า เรายังคิดถึง และยังอยู่กับเค้า ต้องใช้เวลาตอนที่เค้าอยู่ให้เต็มที่เราจะได้ไม่เสียใจทีหลัง โดยส่วนตัวแล้วค่อนข้างที่จะสนิทกับคุณแม่ ทุกวันนี้ก็จะแบ่งเวลาอยู่กับคุณแม่อยู่เสมอๆ บางครั้งก็ฝากลูกไว้กับสามี แล้วพาคุณแม่ไปเที่ยวสองคนแม่ลูก เพราะว่าคุณแม่เป็นคนชอบเที่ยว เวลาที่เหลือเหลือจากการดูแลลูก ดูแลสามีแล้ว ก็ควรที่จะแบ่งเพื่อตอบแทนพระคุณบุพการีบ้าง