ความสำเร็จ..ที่เริ่มต้นมาจาก“เลขศูนย์”
คุณสุจิรา ตันทวีวงศ์ Ceo Hivetel
“เราเดินมาจากศูนย์ เราไม่ได้เป็นคนที่มีต้นทุนในชีวิตที่ต่อยอดมากจากพ่อแม่ที่ทำไว้ให้ คุณพ่อและคุณแม่ทั้งของเราและสามีเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา ทุกอย่างที่ได้มาล้วนมาจาก 2 มือของเราทั้งสองคนอย่างแท้จริง มาจากที่ไม่มีอะไรเลย มาจากการลองผิดลองถูก เรียนรู้มาเรื่อยๆ มองว่า..ชีวิตของเรา เราก็จะสามารถที่จะเลือกทางเดินที่เหมาะสมกับตัวของเราเองได้ เอาตัวเองและคนในครอบครัวเป็นกำลังใจในการดำเนินชีวิตและการทำงาน
บทสรุปสั้นๆของ “คุณจิ๋ม” คุณสุจิรา ตันทวีวงศ์ ผู้บริหารโรงแรม Hivetel ในย่านป่าหล่าย คุณจิ๋มเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนดาราสมุทร(ระดับชั้นประถมปีที่ 1 – 6 ) เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนสตรีภูเก็ต(ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3) และนักศึกษาสาขาบัญชีจากวิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต ตัดสินใจเริ่มต้นทำงานหลังจากที่เรียนจบระดับ ปวส. ที่โรงแรมเคปพันวาภูเก็ต 2 ปี แล้วตัดสินใจไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยสยาม และศึกษาระดับปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยรังสิต สมรสกับคุณพงษ์พันธ์ ตันทวีวงศ์ และมีบุตรชายเพียง 1 คน คือคุณธฤต ตันทวีวงศ์ ปัจจุบันคุณสุจิราและคุณพงษ์พันธ์บริหารงานบริษัท อี เอ็ม เอส เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจเดิมที่เป็นงานรับเหมางานระบบ และโรงแรม Hivetel ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่จะต้องดูแลต่อไป
ก่อนที่จะหันมาหยิบจับปรับโฉมโรมแรม Hivetel นั้น ก็เคยเปิดโรงแรมเล็กๆ 25-35 ห้อง ตั้งอยู่ที่ซอยตาเอียด แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะไม่มีความรู้ ไม่มีความถนัด จึงได้ขายกิจการโรงแรมเดิม ประกอบกับครองครัวของคุณสามีมีพื้นที่ในซอยป่าหล่าย ด้านหลังติดทะเลอ่าวฉลอง ก็มองว่าหากเปิดเป็นโรงแรมก็น่าจะไปได้สวย จึงเปิดเป็นโรงแรมในแนว Sport Hotel มีพื้นที่ออกกำลังกายกลางแจ้งเยอะ ปั่นจักรยาน วิ่งเลียบชายทะเล รวมถึงค่ายมวยไทย ก็เลยเกิดเป็นโรงแรม Hivetel ที่มี Key Word จากความแข็งแรงของนักมวย “โมฮัมมัด อาลี” ต่อยหนัก ต่อยเจ็บ และเลือกสีเหลือง สีดำจากตัว “ผึ้ง” ที่มีคอนเซป “ต่อยหนัก ต่อยเจ็บ” เหมือนกัน เลยออกมาเป็น Hivetel ที่มีตู้คอนเทนเนอร์ เป็น Main Design บ่งบอกถึงความเข้มแข็ง แข็งแรง ดิบแต่ไม่หยาบ สวยงามกลายเป็นโรงแรม Modern Design ที่ไม่เหมือนใครในภูเก็ต ลึกๆแล้ว อยากให้โรงแรม Hivetel เป็นเสมือนส่วนหนึ่งที่สร้างให้ภูเก็ตมีชื่อเสียง ทั้งภาพลักษณ์ทางการท่องเที่ยว ภาพลักษณ์ของอาหารอร่อย ไม่ได้เน้นแค่คนต่างจังหวัด แต่อยากให้ Hivetel เป็นแลนด์มาร์คของอาหารปุ้นเต่ต้นตำรับ..อร่อยรสชาติดั้งเดิมไว้รับรองคนพื้นที่ด้วย
ที่ผ่านมาก็บริหารงานที่บริษัทฯเพียงอย่างเดียว ก็จะมีเวลาเป็นของตัวเองค่อนข้างมาก แต่พอหันมาจับโรงแรม Hivetel จากชีวิตที่เรียบง่าย ก็มีความวุ่นวายเพิ่มเข้ามากขึ้น ต้องดูทุกอย่างตั้งแต่แบบโรงแรม เริ่มก่อสร้าง การทำตลาด ทำโปรโมท ออกบูธขายห้อง มันมากกว่านั่งทำงานในบริษัทฯ มันทำให้เราต้องปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน เปลี่ยนรูปแบบจากงานง่ายๆ ขยับเป็นงานยากๆ ต้องเพิ่มความใส่ใจในหลายๆงานมากยิ่งขึ้น ต้องดูแลคนมากขึ้น ดูแลความรู้สึกของคนมากขึ้น ใส่ใจในทุกรายละเอียดจริงๆ ทิ้งไม่ได้เลย แต่ด้วยบุคลิกความเฟรนด์ลี่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว กับใครเราก็ทักทายได้หมด คุยกันได้ทุกสถานการณ์ จริงๆ เราเป็นคนมีเพื่อนเยอะ มีพันธมิตรเยอะ ที่สามารถเป็นครูสอนให้เราในหลายๆเรื่องจริงๆ
“สิ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จในธุรกิจมาจนถึงทุกวันนี้ ตอบได้เลยว่าคือ เพื่อน และกัลยาณมิตรทั้งหลายที่อยู่รายล้อมตัวเรา จะบอกตัวเองเสมอว่า เราไม่ใช่คนเก่งแต่เราเป็นคนโชคดี โชคดีในหลายๆเรื่อง หลายคนเคยบอกว่า ถ้าจะบินก็ต้องบินให้ได้เหมือนนก หรือถ้าจะว่ายน้ำก็ต้องว่ายให้เก่งเหมือนปลา แต่จะบอกว่า เราเป็นแค่ “เป็ด” ที่สามารถว่ายน้ำได้ และบินได้ เราสามารถที่จะทำอะไรได้หลายๆอย่าง อะไรที่คนอื่นทำได้ เราก็สามารถทำได้ แต่อาจจะไม่ดีเยี่ยมตามแบบใครๆ แต่ก็ไม่ขี้เหร่ และสวยเก๋ในแบบที่เป็นเรา มองว่าทุกๆอย่างที่เดินทางมาหาเรานั้นล้วนเป็นครูสอนเราทั้งหมด ต่อให้เรามีเงินมากมายแค่ไหน เราก็ไม่สามารถที่จะซื้อประสบการณ์เหล่านี้ได้ ทุกๆปัญหาเป็นครูสอนเราได้ดีกว่าตำราเรียนฉบับไหนๆ ต้องขอบพระคุณเพื่อนๆและกลัยาณมิตรทุกท่าน สำหรับคำแนะนำ คำชี้แนะดีๆในการทำธุรกิจโรงแรม Hivetel ครั้งนี้ ”
มีใครคนหนึ่งได้กล่าวเอาไว้ว่า “ไม่มีใครสมหวังในทุกๆเรื่องที่หวัง” ซึ่งคุณจิ๋มก็เช่นเดียวกัน กว่าที่จะก้าวผ่านปัญหาอุปสรรคมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ความท้อแท้ก็มีมาให้ได้เจอบ้างในบางครั้งบางคราว แต่ก็สามารถก้าวผ่านมาได้ทุกครั้ง โดยมีหลักคิดง่ายๆ ที่ว่า ถ้าหากมีความท้อแท้แล้วไม่เดินต่อ คนที่เราดูแลอยู่จะอยู่กันอย่างไร ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ ครอบครัว ลูก รวมไปถึงลูกน้องที่จะต้องรับผิดชอบดูแลอีกหลายคน โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับครอบครัว ถ้าหากว่าเป็นอะไรไปแล้ว ใครจะอาสาดูแลครอบครัวของเรา เพราะฉะนั้นเราจะท้อแท้หรือสิ้นหวังในการทำงานไม่ได้เลย โดยเฉพาะเมื่อก้าวเข้าโรงแรม Hivetel เห็นการทำงานและรอยยิ้มของพนักงานของเราเอง แค่นี้..เราก็มีความสุขแล้ว หลักอย่างหนึ่งในการปกครองคนก็คือ ต้องให้เค้ารู้สึกรักเราที่ความเป็นเรา ไม่ได้รักเราเกรงใจเราที่เงินของเราหรือแค่เราเป็นนาย เรายิ่งมี เราต้องยิ่งให้ ไม่มีใครอยากกอดความจนไปตลอดชีวิต ไม่มีใครที่อยากยากจน ทุกคนอยากรวย อยากมีเงินไว้จับจ่ายใช้สอยทั้งนั้น ณ วันนี้เรามีโอกาสที่มีมากกว่าคนอื่นๆ เราต้องรู้จักการให้ ต้องรู้จักแบ่งปัน
“มาจนถึงวันนี้รู้สึกภูมิใจในตัวเองและสามีมากๆ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับเราสองคนในวันนี้ มาจาก 2 มือของเราล้วนๆ เพราะเราไม่ได้มีมีต้นทุนในชีวิตมากมายเหมือนคนอื่นๆ เราและสามีมาจากลูกชาวบ้านธรรมดา นอกจากเพื่อนฝูงและกัลยาณมิตรที่รายล้อมเราอยู่แล้ว สิ่งหนึ่งที่เชื่อมั่นมาตลอดนั้นก็คือ “คู่ครอง” การมีคู่ครองที่ดี คอยเป็นคู่คิด คอยส่งเสริมและสนับสนุนเรา เดินด้วยกันกันไปในทางที่เหมาะสม ก็เชื่อว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จได้ในระยะเวลาที่รวดเร็ว หยิบจับอะไรก็ประสบความสำเร็จ เก่งกันคนละด้าน เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน จนมาได้ถึงวันนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จได้เร็วกว่าที่คิดไว้ และเร็วกว่าในวัยเดียวกัน โดยเฉพาะ 5 ปีที่ผ่านมานี้ กราฟพุ่งขึ้นตลอด”..