ในปัจจุบันนี้กล้าพูดเลยว่า… ผู้หญิงเก่งๆนั้น มีมากมาย แต่น้อยคนนักที่จะ เก่ง แกร่ง และได้รับการยอมรับจากสังคมพอๆ กับผู้ชาย ฉบับนี้ ได้พูดคุยกับผู้หญิงเก่งอีกคนหนึ่งของเกาะภูเก็ต ผู้หญิงรุ่นใหม่ที่ไม่หลุดคอนเซป “สำนึกรักบ้านเกิด” หลายๆคนเรียกขานเธอว่า “สท.แพรว” วลัยพัชร รวมพรรณพงศ์ สมาชิกสภาเทศบาลนครภูเก็ต “ในสังคมปัจจุบันเรามีตัวอย่าง “ผู้หญิงเก่ง” มากมาย ยิ่งในจังหวัดภูเก็ตโดยเฉพาะ “ผู้นำ” ที่เป็นผู้หญิง อย่างท่าน นายกฯสมใจ ของเทศบาลนครภูเก็ตเรา หรือท่านนายกฯเฉลิมลักษณ์ เทศบาลเมืองป่าตอง หรือตั้งแต่ในประวัติศาสตร์ เช่น ท้าวเทพกระษัตรีท้าวศรีสุนทร หรือแม้แต่ในเมืองจีน มี พระนางแซ่อู่ บูเช็กเทียน จริงๆบุคคลากรทุกคนไม่ว่าจะหญิงหรือชายเราสามารถพัฒนาตัวเอง พัฒนาศักยภาพ หรือทักษะต่างๆในตัวได้อย่างยอดเยี่ยม เรื่องเพศไม่น่ามีผลอะไรต่องานหลายๆ ประเภท เพราะแพรวเชื่อว่า ทัศนคติการตัดสินใจ รวมถึงมุมมอง เป็นสิ่งที่เอามาใช้วัดการทำงานมากกว่า”
นี่คือประโยคแรกของผู้หญิงเก่งคนนี้ มองว่า…เธอคนนี้ไม่ใช่แต่จะมีดีแค่รูปร่างหน้าตาที่สดใส งดงาม แต่พกเอาความสามารถมาเต็มกระเป๋า นับเป็นคนรุ่นใหม่ที่เปี่ยมด้วยพลังที่เลอค่าจริงๆ OPM.ฉบับต้อนรับปี 2016 มีโอกาสได้พูดคุยในอีกแง่มุมของเธอ ตามอ่านกันได้…
สาวบ่าบ๋า…เด็กในหลาด ::: เป็นคนภูเก็ตค่ะ แบบลูกผสมจีนบ่าบ๋าแท้ๆเลย พ่อแม่เป็นคนที่นี่ค่ะ คุณพ่อเปิดร้านน้ำชาโบราณมากๆ ที่ตรงข้าม ที่ว่าการอำเภอเมือง สมัยเด็กๆอยู่บ้านตรงนั้น พอคุณพ่อเสียเราก็ย้ายมาอยู่บ้านที่เพื่อนๆมักมาเที่ยวเล่นเสมอ คือ ร้านหมี่ผัด เยื้องๆโรงเรียนปลูกปัญญา แต่ตอนนี้หยุดกิจการนี้ไปนานแล้ว …ก็เกิดที่ภูเก็ต เป็น “เด็กในหลาด” และโตที่นี้มาตลอด เรียนโรงเรียนเทศบาลปลูกปัญญาฯ และ มีความผูกพันกับโรงเรียนและชุมชนหน้าโรงเรียนมาก ชอบที่จะไปโรงเรียน คือ จะได้ไปเจอไปเล่นกับเพื่อนๆและไปเจอคุณครู
“นอกจากเรียนหนังสือ แพรวก็ชอบทำกิจกรรมค่ะ อย่างเด็กๆแพรวเป็นนักกีฬาว่ายน้ำของเทศบาล กิจกรรมเยอะแยะมากชอบ…สนุกดี ได้เจอเพื่อน พอสมัยมัธยมมาเรียน ร.ร.สตรีภูเก็ต ก็ยังทำกิจกรรมอีก คือ เป็นคนชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่เสมอเข้าชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ได้ไปเดินป่า ไปเดินเขา ไปป่าพรุป่าโกงกาง ไปดูนก คิดว่านี่ก็เป็นส่วนนึ่งที่ทำให้เรารักบ้านเกิดมากเพราะเรามีความผูกพันและความทรงจำที่สนุกหลากหลายที่นี่รร.สตรีภูเก็ต ให้โอกาสและปลูกฝังอะไรๆดีในชีวิตหลายอย่างจนทำให้เป็นต้นแบบในปัจจุบันนี้”
เรียนรู้ชีวิตจริง…จากรั้วมหาวิทยาลัย ::: ชีวิตมหาวิทยาลัย…จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ คณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้วยเกียรตินิยม อันดับ 2 GPA 3.45 หรือเรียกกันง่ายๆว่า คอมพิวเตอร์ไอที อย่างที่บอกตั้งแต่แรกคือเป็นคนที่ชอบเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ก็เลยเลือกเรียนด้านนี้ บวกกับความชอบโดยส่วนตัว เพราะได้เรียนรู้เทคโนโลยีด้านซอฟแวร์มา ที่ได้มามากกว่านั้น มันไปฝึกวิธีคิดของเราให้เราคิดและจัดการอะไรอย่างเป็นระบบและเป็นเหตุเป็นผล ซึ่งก็ไม่รู้สึกเสียใจแม้แต่น้อยที่ได้เลือกเรียนที่ มอ. เพราะเป็นหนทางที่จะพาไปสู่การทำงานระดับสากลที่กรุงเทพในเวลาต่อมา
“ในช่วงระหว่างเรียนได้เข้าโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ระยะหนึ่งค่ะ Work & Travel USA (J-1)ที่รัฐ Ohio ส่วนนี่ก็เป็นส่วนสำคัญที่เราได้ไปเห็นโลก เห็นบ้านเมืองเขา ได้เห็นมุมมองอะไรที่กว้างไกล ไปเรียนรู้วิธีคิดของคนที่นั้นเพราะคนอเมริกาจะมีความเชื่อที่บอกว่าเราทำทุกอย่างให้เป็นไปได้ด้วยสองมือเรา Easy and Simple นี่เป็นส่วนนึ่งที่เราไปสัมผัสและเรียนรู้จากเพื่อนต่างชาติที่นั้น”
งานที่เลือก..งานที่รัก ::: ตำแหน่งงานแรกในชีวิต หลังจากที่เรียนจบ ก็คือ SoftwareTesting Engineer ของบริษัท Thomson Reuters เป็นตำแหน่งที่จะพลาดไม่ได้เลย และต้องอาศัยความรอบคอบในการทดสอบซอฟแวร์ที่วิเคราะห์และให้ข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจของนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยจะมีการบริหารงานที่สั่งตรงมาจากอเมริกา เราก็ report งานผ่าน telephoneconference ไป
“ชอบงานนี้มากค่ะ คือสนุกกับการหาช่องโหว่ความผิดพลาดที่เกิดในซอฟแวร์การเงินการลงทุน และได้ติดต่อคุยงานกับโปรแกรมเมอร์จากทั่วโลก บางครั้งต้องรอเวลาทำงานของเขากับเราตรงกัน ก็ดึกดื่น แต่มันรู้สึกสนุกและท้าทายดี และงานก็เดินไปเร็ว 24 ชม. เราหลับ แต่งานเราไม่หลับและการทำงานที่นี่ทำให้เราได้เรียนรู้และเข้าใจการเติบโตของการเงินการลงทุนและเป็นแรงบันดาลใจต่อยอดให้เรากลับมาทำธุรกิจของตัวเองที่บ้านเกิด นำความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่เราได้เรียนรู้จากงานที่ทำ มาปรับใช้กับธุรกิจที่บ้านของเราในตอนนี้ก็คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์”
ถนนสายการเมือง…งานเพื่อสังคม ::: พอได้มีโอกาสทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ก็จะเริ่มเห็นโลกในมุมมองท้องถิ่นอย่างชัดเจน การท่องเที่ยว เศรษฐกิจในท้องถิ่น รวมถึงชีวิตความเห็นอยู่ของคนในจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะคุณภาพชีวิต ทุกๆอย่างยังต้องพึ่งพาภาครัฐและภาคท้องถิ่นอยู่มาก ซึ่งหากว่าประชาชนมีความเป็นอยู่ด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ดี ก็จะทำให้ไม่ต้องกังวลกับการออกไปศึกษาหาความรู้หรือเป็นอุปสรรคในการทำงาน หาเลี้ยงปากท้อง รวมถึงด้านการศึกษา ถ้าเด็กและเยาวชนในชุมชนได้รับการฝึกด้านภาษาอังกฤษตั้งแต่เล็ก จังหวัดของเราก็ได้จะมีบุคลากรที่มีทักษะสื่อสารเทียบเท่าเจ้าของภาษา ที่สามารถนำเอาข้อมูลความรู้หรือการพัฒนางานในระดับสากลมาพัฒนาตัวเองและคนรอบข้างได้ สังคมเมืองก็จะพัฒนาขึ้นมาลำดับ
“เราเป็น สท. ก็จะเป็นเหมือนกระบอกเสียงของระหว่างฝ่ายบริหารเทศบาล และ ประชาชนอยู่แล้ว เวลาเทศบาลมีโครงการพัฒนาอะไร เราก็จะนำข้อมูลนั้นมาเผยแพร่ผ่าน เฟสบุ๊คตัวเอง (FB: สท.แพรว วลัยพัชร รวมพรรณพงศ์) รวมถึงการหาเวลาลงพื้นที่ไปพบปะผู้คุยกับประชาชนในเขตที่รับผิดชอบไปถามสารทุกข์สุขดิบอย่างเป็นกันเอง ทำให้ได้ข้อมูลที่ตรงไปตรงมาและนำไปแก้ปัญหาที่เกิดจริงในชุมชน ส่วนด้านกิจกรรม charity นี้เป็นกิจกรรมส่วนตัวที่จะชวนเพื่อนๆไปช่วยแรง หรือช่วยบริจาคตามแต่ละคนสะดวกให้คนในชุมชน หรือเด็กๆที่ขาดแคลนเช่น ที่บ้านลุงพิทักษ์ หรือในชุมชนต่างๆ ซึ่งตรงนี้แพรวไม่ได้ทำเฉพาะในจังหวัดเท่านั้น มีส่งของไปร่วมบริจาคบนดอยโดยเฉพาะที่ อ.หางดง จะส่งไปทุกปี เช่น ที่บ้านพักสุนัขCare for Dogs, กิจกรรมบริจาคของบนดอย ผ่านกลุ่ม Facebook :รับบริจาคสิ่งของเพื่อช่วยเหลือน้องๆบนดอย ส่วนในปีนี้ก็จะมีกิจกรรมเพื่อสังคมที่ทางกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC (Young Entrepreneur Chamber of Commerce) ของหอการค้าจังหวัดภูเก็ต ที่แพรวเป็นสมาชิกอยู่ มีโครงการจะทำกิจกรรม รวมกันทั่วประเทศ และแพรวก็จะไปมีส่วนร่วมด้วยแน่นอน ”
พลังคนรุ่นใหม่…ให้โอกาส “ผู้หญิง” ::: มองว่าในปัจจุบันเป็นสังคมวัตถุนิยม ผู้หญิงหันมาทำงานนอกบ้านกันมากและมีบทบาทในทางสังคมเพิ่มขึ้น ซึ่งทุกคนก็ทั้งมีทั้งเก่งและทั้งสวยด้วยกันทั้งนั้น บ่อยครั้งที่เราวัดคุณค่ากันจากงานที่โดดเด่นในสังคม แต่ในส่วนตัวกลับมองว่าผู้หญิงทุกคนล้วนมีคุณค่าในตัวเอง ไม่ว่างานที่ทำอยู่จะเป็นแบบไหนเราไม่จำเป็นต้องวัดกันที่ลักษณะการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้านคนกวาดถนน คนขายกาแฟ พนักงานบริษัท นักการเมือง ฯลฯทุกบทบาทก็ต่างมีคุณค่าในตัวเองทั้งนั้น คุณค่าของผู้หญิงเราไม่ได้ประเมินที่เรื่องราวภายนอก ผู้หญิงทุกคนล้วนสวยและงดงามจากภายในจิตใจก่อนจบการสนทนาที่แสนเรียบง่ายและสวยงาม สท.แพรวได้ฝากข้อคิดดีๆสำหรับคุณผู้อ่านทุกทาน ไว้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตในปี 2559 และ ตลอดไป
“เชื่อว่าทุกคนอยากประสบความสำเร็จ และพยายามจะวิ่งตามความสำเร็จนั้นโดยที่ไม่ได้มองเลยว่าความสุขที่แท้จริงนั้นอยู่ตรงไหน โลกของเราทุกวันนี้เต็มไปด้วยสิ่งยั่วยุ เต็มไปด้วยมายา คนที่ไม่มีก็อยากจะมี คนที่มีอยู่แล้วก็อยากที่จะมีมากขึ้นไม่มีที่สิ้นสุด เพราะเชื่อว่าจะนำไปสู่ความสุข สุดท้ายแล้วก็ไม่มีความสุขซักที แพรวคิดว่า จะสุขหรือจะทุกข์ มันอยู่ที่ใจ ไม่ได้อยู่ที่จำนวนเงิน หรือสิ่งของที่มี ความสุขความทุกข์เป็นสิ่งที่ใจเราปรุงแต่งขึ้น ฉะนั้นหากเราสามารถฝึกดูจิตของตัวเองได้ เราจะมีชีวิตอย่างมีความสุขอย่างแท้จริง ในโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งยั่วยุในปัจจุบันค่ะ”